วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

__ผลไม้ลดความอ้วน *0* __
          ผลไม้รสเปรี้ยวใครที่กำลังควบคุมน้ำหนัก แต่ปฎิเสธการไปงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ไม่มีอาหารไขมันต่ำอยู่ในเมนูไม่ได้ ลองสั่งน้ำมะนาวคั้นสดมาจิบหรือส้มสดฝานแล้วสัก 4-5 ชิ้น มากินเสริมบ้าง เพราะกรดธรรมชาติจากผลไม้เหล่านี้จะช่วยย่อยไขมันและช่วยให้ร่างกายย่อยอาหารดีขึ้น
แหล่งที่มาของภาพ :: http://gotoknow.org/file/p0okpui/358536213657362336181.jpg

          กล้วย ผลไม้เบสิกๆ แบบนี้ ใครๆ ก็รู้ว่ามีประโยชน์มากมาย แต่เชื่อหรือไม่ว่า กล้วยสามารถช่วยล้างลำไส้ได้เป็นอย่างดี เพราะอุดมไปด้วยธาตุโปแตสเซียมและวิตามินซี และยังให้พลังงานสูง ดังนั้นควรกินกล้วยให้ได้วันละ 1 ลูกเป็นประจำทุกวัน
แหล่งที่มาของภาพ :: http://www.rebelhome.net/apples2.jpg 

          แอปเปิ้ล เป็นผลไม้ที่ดีที่สุดสำหรับการขจัดของเสียออกจากร่างกาย สารเพกตินในแอปเปิ้ลจะช่วยนำสารพิษไปกำจัดทิ้ง ทั้งยังป้องกันไม่ให้โปรตีนในลำไส้เกิดการบูดเน่า แอปเปิ้ลยังมีเส้นใยมาก ซึ่งมันจะทำหน้าที่เป็นไม้กวาด ทำความสะอาดลำไส้ช่วยให้ตับและระบบย่อยทำงานได้ดียิ่งขึ้น กระตุ้นน้ำย่อย นอกจากนี้ยังมีวิตามินและเกลือแร่ แต่อย่าปอกเปลือกเชียวนะ  
   
แหล่งที่มาของภาพ :: http://img.kapook.com/image/01_421.jpg

          สับปะรด มีเอนไซม์โปรตีนสูง เอนไซม์ตัวนี้จะช่วยการทำงานของกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะ และช่วยทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัวได้เร็วขึ้น เชื่อกันว่าสับปะรดช่วยรักษาอาการอักเสบในทางเดินอาหาร ช่วยในการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ที่สึกหรอช่วยการทำงานของต่อมไร้ท่อ และช่วยกำจัดน้ำมูก
แหล่งที่มาของภาพ :: http://www.geocities.com/mey_noiz/watermelon.jpg

          แตงโม มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ดังนั้นจึงช่วยฟอกล้างร่างกายได้เป็นอย่างดี ใช้รักษาแผลในกระเพาะ ลดความดันเลือดสูง ทำให้สบายท้อง น้ำคั้นจากเปลือกของแตงโมและเมล็ด หากดื่มก่อนกินเนื้อแตงโมในมื้ออาหารสักครึ่งชั่วโมงจะทำให้คุณได้ประโยชน์สุงสุด เนื่องจากเปลือกของมันอุดมด้วยคลอโรฟิลล์ และเมล็ดอุดมด้วยวิตามิน   น้ำแครนเบรอรี่คั้น สำหรับผู้ที่มีอาการติดเชื้อที่ท่อปัสสาวะง่าย แนะน้ำให้ดื่มน้ำแครนเบอรี่คั้น 1 แก้วทุกวัน เพราะสารพฤกษ-เคมีที่อยู่ในผลไม้ชนิดนี้จะช่วยป้องกันอาการติดเชื้อที่ไม่พึงปรารถนาต่างๆ ได้ คุณอาจจะผสมน้ำแครนเบอรี่คั้นกับเครื่องดื่มแก้วโปรดเพื่อให้ได้ค็อกเทลแสนอร่อย หรือเป็นเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยก่อนอาหารก็ได้ 
 
          มะละกอ / มะม่วง มีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่มะม่วงมีสารสำคัญน้อยกว่ามะละกอเล็กน้อย ผลไม้ทั้งสองชนิดมีเอนไซม์ชื่อ ปาเปนซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับน้ำย่อยเปปซินในกระเพาะอาหาร ดังนั้นมันจึงช่วยทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัว ได้เร็วขึ้นเช่นเดียวกับโปรเมลิน ทั้งมะละกอและมะม่วงดีสำหรับทำความสะอาดและช่วยย่อยอาหาร เชื่อกันว่ายังช่วยลดอาการ ซึมเศร้าได้อีกด้วย 
 
แหล่งที่มาของภาพ :: http://www.holidayparkkhaoyai.com/images/1183691180/grapesuay.jpg     
          องุ่น เป็นสารฟอกล้างสำหรับผิวหนัง ตับ ลำไส้ และไตโดยเฉพาะ เนื่องจากองุ่นมีคุณสมบัติรักษาน้ำมูกที่ออกมาจากเยื่อเมือกต่างๆ ในร่างกาย องุ่นยังให้พลังงานสูงและนำไปใข้ได้ง่าย อุดมไปด้วยเกลือแร่ ดังนั้น ช่วยบำรุงเลือดและซ่อมสร้างเซลล์ ในร่างกาย 
แหล่งที่มาของภาพ :: http://www.rakbankerd.com/kaset/Plant/893_1.jpg
          ฝรั่ง อุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งมีบทบาทในการสร้างคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณเต่งตึง ไม่แก่ก่อนวัย ฝรั่ง 1 ขีดมีวิตามินซีสูงถึง 180 มิลลิกรัม  
          สตรอเบอร์รี่ เป็นผลไม้เมืองหนาว เหมาะกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเกาต์และไขข้ออักเสบ นั่นเป็นเพราะว่า สตรอเบอร์รี่มีคุณสมบัติในการชำระล้างระบบต่างๆ ในร่างกาย นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนที่เป็นความดันโลหิตสูง การแพทย์แผนโบราณแนะนำให้ผู้ป่วยที่เป็นนิ่วในไตรับประทานสตอรเบอร์รี่ ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางและร่างกายอ่อนเพลีย ก็สามารถทานได้เพราะมีเหล็กสูง 



          เงาะ เป็นผลไม้รสหวาน เปรี้ยว ฤทธิ์อุ่น ไม่มีพิษ รับประทานเงาะสดสามารถแก้อาการท้องร่วงชนิดรุนแรงได้ผลดี เปลือกผล เงาะนำมาต้มกินน้ำเป็นยาแก้อักเสบ มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย รักษาอาการอักเสบในช่องปาก และโรคบิดท้องร่วง ข้อควรระวังอย่างหนึ่ง คือเม็ดในของเงาะ มีพิษ แม้ว่าจะเอาไปคั่วจนสุกแล้ว แต่ถ้ากินมากเกินไปจะมีอาการปวดท้อง เวียนศรีษะ มีไข้คลื่นไส้ อาเจียน ดังนั้นเม็ดเงาะจึงไม่ควรรับประทาน
 
แหล่งที่มาของภาพ :: http://www.tourthai.com/gallery/images025/cmi-003.JPG
          ลำใย มีสารอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลกลูโคส ซูโคสและฟรุกโตสและมีวิตามินชนิดต่างๆ เช่น วิตามินซีวิตามินบ 1, 2 สูง เนื้อลำใยมีรสหวาน มีสรรพคุณแก้ผอมแห้งแรงน้อย นอนไม่หลับ ขี้ลืม ใจสั่น บำรุงร่างกาย บำรุงประสาท ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยบำรุงกำลังของสตรี ช่วยย่อยอาหาร และบำรุงโลหิต      

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

เคล็ดลับ ที่ทำให้ชีวิตคู่อยู่รอด 
          ทุกคู่รักล้วนแต่ต้องเผชิญปัญหาที่ถาโถมเข้าใส่ ซึ่งดีไม่ดีก็อาจทำให้ชีวิตรักอับปางลงได้ง่าย ๆ แต่อย่าเพิ่งกลัวไป ชีวิตรักของคุณอาจไม่ใช่หนึ่งในนั้นก็ได้ ถ้าคุณรู้เคล็ดลับทั้ง 7 อย่าง ที่เรากำลังจะกระซิบบอกคุณต่อไปนี้...พร้อมหรือยัง!

 รักตัวเอง      

          อ๊ะ...เปล่านะ เราไม่ได้พูดอะไรผิดไปเลย การทำให้ชีวิตรักยืนยงคงทนไปตราบนานแสนนานไม่ได้เริ่มต้นที่การรักษาเขา แต่ต้องเริ่มจากการที่คุณรักตัวเอง เพราะถ้าคุณไม่รักตัวเอง มันก็ยากที่คุณจะเชื่อว่าคนอื่นจะรักคุณ ความเคารพในตัวเองเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับสัมพันธภาพที่แข็งแกร่ง เพราะเมื่อคุณรักตัวเองอย่างแท้จริง คุณจะรู้สึกมั่นใจ และเมื่อคุณรู้สึกมั่นใจและมั่นคงกับตัวเอง คุณก็จะสามารถอยู่กับคู่รักของคุณได้เพียง เพื่อความรื่นรมย์ที่ชีวิตคู่นำมาให้ ไม่ใช่เพราะคุณรู้สึกว่าคุณต้องการมันเพื่อจะเอาตัวให้รอด

"ชอบ" เบาให้มาก ๆ

          มันอาจโรแมนติกกว่าถ้าจะพูดถึงความรัก แต่มันสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องจำไว้ว่า ความรักนั้นเป็นอารมณ์ที่มาแล้วก็อาจไปได้ ดังนั้น ถ้าคุณชอบกันและกันอย่างแท้จริง ชอบที่จะอยู่ด้วยกัน เห็นด้วยกับความคิดเห็นและพฤติกรรมของอีกฝ่ายหนึ่ง และมีความฝันแบบเดียวกันในชีวิต เห็นหรือยังว่า “ความชอบ” นี่สำคัญกว่าที่คุณคิดอีกนะ

หาเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง

          เมื่อคู่รักเริ่มคบหากันใหม่ ๆ พวกเขาจะให้ความสำคัญแก่ชีวิตคู่เป็นอย่างแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป และด้วยภารกิจต่าง ๆ ของชีวิตที่เพิ่มขึ้นยุ่งวุ่นวายขึ้น เวลาอยู่ด้วยกันก็มักจะกลายเป็นเรื่องสำคัญรองลงไป แต่ถ้าคุณไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง สิ่งที่เป็นไปได้อย่างมากก็คือคุณจะรู้สึกห่างเหินกัน การหาเวลาอยู่ด้วยกันนั้นอาจหมายถึงการต้องเสียงสละการทำกิจกรรมบางอย่าง แต่จำไว้ว่ามันคือการลงทุนเพื่อความสุขในอนาคตของคุณ

พูด...พูด...แล้วก็พูด

          การสื่อสารที่ดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในสัมพันธภาพที่แข็งแกร่ง มันเป็นเพียงวิธีเดียวที่คุณสามารถบอกคู่ของคุณถึงตัวตนของคุณ สิ่งที่คุณต้องการ และเหตุผลต่าง ๆ จากพฤติกรรมของคุณ การพูดคุยกันเป็นการเปิดรับคนอื่นเข้ามาในโลกส่วนตัวของเรา และมาพูดคุยกันอย่างเปิดอกอย่างซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่คุณคิดและรู้สึก อ้อ มันรวมถึงการเป็นนักฟังที่ดี ซึ่งก็คือการฟังคู่ของคุณโดยไม่ตัดสินอีกด้วยนะ

ทะเลาะแบบไม่บ่อนทำลาย

          การทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติในชีวิตคู่นะ เพราะเราทุกคนต่างก็ไม่เหมือนกัน แต่ถ้าการทะเลาะกันของคุณเป็นไปแบบสร้างสรรค์...ไม่ใช่ทำลาย มันจะเป็นโอกาสในการแบ่งปันความรู้สึกต่อกัน และทำให้สายสัมพันธ์ของคุณแข็งแกร่งขึ้น เมื่อสามารถหาข้อตกลงที่คุณทั้งสองต่างก็พอใจร่วมกันได้ในที่สุด มันจะเป็นประสบการณ์ที่ทำให้คุณทั้งคู่มั่นใจในสัมพันธภาพของคุณมากขึ้น และทำให้ใกล้ชิดกันมากาขึ้นด้วย

สัมผัสกันและกันอย่าได้ขาด

          สัมผัสเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อมนุษย์ มีการศึกษาวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า บรรดาลูกสัตว์ทั้งหลาย รวมทั้งมนุษย์ด้วย จะตายตั้งแต่เยาว์วัยหากปราศจากการสัมผัส การเคล้าเคลียกันยังช่วยลดความดันโลหิต และทำให้ร่างกายหลั่งสารเคมีที่ทำให้มีความสุขออกมา สัมผัสยังสร้างความรู้สึกสบายและอบอุ่น ให้ความรู้สึกปกป้องและมีกำลังใจ ให้ความผ่อนคลายและช่วยกระตุ้นอารมณ์เพศอีกด้วย คู่รักทุกคู่ต่างรู้ว่าชีวิตทางเพศของพวกเขาอาจมีช่วงที่แห้งเหือดได้ แต่ความต้องการการแสดงความรักทางกายของคนเรานั้น...ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป

  ยอมรับความเปลี่ยนแปลง

          เวลาทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงไป ชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน โดยมันอาจไม่ได้เปลี่ยนไปในแบบที่เราต้องการเสมอไปด้วย ความเปลี่ยนแปลงอาจเป็นโอกาสของการเติบโตและความใกล้ชิดสนิทสนม แต่ก็อาจเป็นความเจ็บปวดก็ได้ มันอาจหมายถึงการต้องปรับตัวเข้ากับวิธีคิดใหม่ ๆ และวิธีการดำเนินชีวิตใหม่ ๆ มันยังอาจหมายถึงการปล่อยวางหลาย ๆ สิ่งที่เคยเป็น ความคุ้นเคย และความปลอดภัย ในชีวิตรักที่ประสบความสำเร็จคู่รักต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวและเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน ต้องยอมรับว่าความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตมนุษย์ และต้องสนับสนุนกันและกัน ไม่ว่าจะดีหรือเลวอย่างไรก็ตาม



วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ชื่อนางสาวเนตรทราย  ดาวสี ชื่อเล่น ทราย


เกิดวันอังคาร ที่ 12 เดือนกันยายน พ.ศ. 2532


กำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงใหม่


คณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด ชั้นปีที่ 3